Icelandic Financial Supervisory Authority (FME)

ข้อมูลพื้นฐาน

สำนักงานกำกับดูแลทางการเงินไอซ์แลนด์ (Fjármálaeftirlitið: FME) เป็นหน่วยงานกำกับดูแลภาคการเงินแห่งชาติของไอซ์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1999 ภายใต้กรอบกฎหมาย 2 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติการกำกับดูแลการดำเนินงานทางการเงิน (หมายเลข 87/1998) และพระราชบัญญัติการจัดเก็บค่าธรรมเนียมกำกับดูแล (หมายเลข 99/1999) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเรคยาวิก โดยในปี 2020 ได้รวมเข้ากับธนาคารกลางไอซ์แลนด์ (Central Bank of Iceland) เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการกำกับดูแลระบบการเงินแบบครบวงจร

ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์

FME เริ่มปฏิบัติงานในช่วงวิกฤตการเงินโลก โดยมีบทบาทสำคัญในการจัดการวิกฤตการล้มละลายของธนาคารหลัก 3 แห่งในปี 2008 รวมถึง Landsbanki, Glitnir และ Kaupthing ภายใต้การใช้อำนาจพิเศษตามกฎหมายฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการขาดการเตือนล่วงหน้าและมาตรการรับมือที่ล่าช้า ในปี 2009 มีการเปลี่ยนผู้อำนวยการใหญ่เพื่อปฏิรูปการทำงาน และในปี 2020 ได้ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อบูรณาการกับนโยบายการเงินของธนาคารกลาง

อำนาจกฎหมายและกรอบกำกับดูแล

FME ใช้อำนาจตามกฎหมายหลัก 3 ด้าน:
1. การออกใบอนุญาตสำหรับสถาบันการเงินทุกประเภท
2. การตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐานความเสี่ยง (Basel III, Solvency II)
3. การใช้อำนาจพิเศษในการยึดกิจการสถาบันการเงินที่ผิดกฎหมายหรือมีปัญหาสภาพคล่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามมาตรา 125 แห่งพระราชบัญญัติสถาบันการเงิน ที่ให้อำนาจแทรกแซงการบริหารจัดการธนาคารได้ทันทีเมื่อพบความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบ

ขอบเขตการกำกับดูแล

หน่วยงานครอบคลุมการกำกับดูแล 7 ประเภทกิจการหลัก:
– ธนาคารพาณิชย์และธนาคารลงทุน
– บริษัทประกันภัยและตัวแทนประกันภัย
– กองทุนรวมและกองทุนบำเหน็จบำนาญ
– บริษัทหลักทรัพย์และโบรกเกอร์ตราสารหนี้
– สถาบันสินเชื่อเฉพาะทาง
– ผู้ให้บริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์
– กิจการเทคโนโลยีการเงิน (FinTech)

ช่องทางการติดต่อ

ที่อยู่: Skulagata 4, 105 Reykjavik, Iceland
โทรศัพท์: +354 525 4000
อีเมล: fme@fme.is
เวลาทำการ: วันจันทร์-ศุกร์ 08:30-16:00 (ตามเวลากรีนวิช)
ระบบรับเรื่องร้องเรียนออนไลน์: มีแบบฟอร์มดิจิทัลบนหน้าเว็บ “Complaints Portal”

วิธีการตรวจสอบสถานะการถูกกำกับดูแล

1. เข้าสู่ส่วน “Regulated Entities” บนเว็บไซต์ fme.is
2. ใช้เครื่องมือค้นหาด้วยชื่อนิติบุคคลหรือเลขทะเบียน
3. ตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดใบอนุญาตที่แสดงผล
4. ยืนยันความถูกต้องผ่านระบบตรวจสอบใบอนุญาตออนไลน์ (e-License Check)
5. ดาวน์โหลดประกาศรับรองสถานะในรูปแบบ PDF พร้อมลายเซ็นดิจิทัล